16 ธันวาคม 2552

ตามรอยคึกฤทธิ์6 : สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (4)

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (4)
เกร็ดประวัติสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ที่ พลตรี ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเล่าไว้ยังนำมาลงต่อได้สักสองตอนครับ
วันนี้เชิญอ่านต่อได้เลยครับ
“พูดกันทางเมตตา ฝรั่งเขามีนักบุญที่บวชเป็นพระชื่อ เซนต์ ฟรังซิส แห่งอัสสิซี ผู้ซึ่งมีเมตตาสูงขนาดนกป่าบินเข้ามาห้อมล้อมท่าน ไม่เกรงกลัวเลย
เมืองไทยเราก็เคยมีพระสังฆราชไก่เถื่อน ซึ่งว่ากันว่าท่านมีเมตตาสูงขนาดไก่ป่าที่เปรียวที่ที่สุดนั้นมาหาท่านได้
ถ้าจะขนานนามสมเด็จฯแบบนี้ก็เห็นจะต้องเรียกท่านว่า “สังฆราชจิ้งจก”
เพราะท่านเลี้ยงจิ้งจกเชื่องทั้งกุฎิของท่าน
เวลาสมเด็จฯฉันเช้าหรือเพล ท่านก็ออกไปนั่งที่ห้องเล็กหน้ากุฏิ หันหลังพิงฝา
ข้าวเพียงช้อนถ้วยเดียว ท่านฉันอยู่ตั้งนานไม่รู้จักหมด
แต่ขณะที่ฉันนั้นท่านก็หยิบข้าวสุกทีละเมล็ดจิ้มกับข้าวอย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้าง แล้วก็เอาติดไว้ที่ฝาเบื้องหลัง ท่านเอานิ้วเคาะที่ฝาเบา ๆ ทีหนึ่งหรือสองที จิ้งจกก็วิ่งออกมากิน
บางตัวก็ออกมาคอยอยู่เลย
และกินจากมือท่าน
บางวันดูเหมือนว่าจิ้งจกจะได้กินข้าวมากกว่าสมเด็จฯ
ความเมตตานั้นมีหลายชั้นเหลือเกิน
บางคนเมตตาสัตว์เฉพาะบางชนิด
เช่นสัตว์ที่สวยงาม หรือฉลาด หรือมีราคา
แต่สมเด็จฯท่านเมตตาแม้จิ้งจกที่เป็นสัตว์เลื้อคลาน ซึ่งคนส่วนมากรังเกียจ
เรื่องนี้ผมเคยแต่นั่งดูแล้วเก็บเอาไว้ในใจ ไม่เคยถามท่าน และท่านก็ไม่เคยพูดกับผม
แต่ดูเหมือนหับว่าท่านรู้จักกับจิ้งจกทุกตัวในกุฏิ
และจิ้งจกตัวหนึ่งก็เป็นอีกชีวิตหนึ่งในโลก ที่มีชีวิตเป็นอนันต์นี้
พูดถึงเรื่องสมเด็จฯฉันข้าวก็เห็นจะต้องบอกไว้ด้วยว่า ตั้งแต่ผมได้รู้จักเคารพนับถือท่านมาหลายสิบปีตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กมาจนโต เคยเห็นแต่ท่านฉันเพื่ออยู่แท้ ๆ ไม่เคยเห็นท่านสนพระทัยในอาหารที่เขาประเคนท่านเลย
ดูสมเด็จฯฉันข้าวแล้วก็เหมือนกับดูคนเติมน้ำมันรถ หรือเอาถ่านใส่ไฟในเตาเพื่อมิให้ดับ มิได้มีความคิดถึงการกินข้าวด้วยความเอร็ดอร่อยเกิดขึ้นในใจเลย
บางทีมีคนเอาอาหารตกแต่งแล้วอย่างประรีตไปถวายท่าน ท่านก็ฉันเพียงเพื่อฉลองศรัทธา แล้วก็แค่นั้น
ผมเองชอบทำบุญไปให้พ่อให้แม่
พ่อแม่ที่ตายไปแล้วชอบกินอะไร ก็มักจะหาของเหล่านั้นไปถวายพระ
แล้วก็กรวดน้ำไปให้พ่อให้แม่ได้กนในปรโลก
ทำแล้วก็เกิดความสบายใจได้มาก
จำได้ว่าครั้งแรกนำเอาแกงที่พ่อเคยชอบกินไปถวายสมเด็จฯตอนท่านฮันเพล
ท่านรับประเคนแล้ว ท่านก็ยังเฉย ๆ อยู่
ผมก็ทูลว่า ต้องขอแรงเป็นพิเศษ ฉันแกงสักช้อนหนึ่งเถิด จะได้กรวดน้ำไปให้พ่อได้กิน เพราะพ่อชอบกินแกงอย่างนี้
“อ๋อ” สมเด็จท่านว่า “เอ็งเห็นพระเป็นตู้ไปรษณีย์หรือ ?”
ผมก็รับว่าใช่ ฉันให้หน่อยเถอะน่า จะได้สบายใจ
ท่านก็ฉันให้
ผมก็กรวดน้ำไปให้พ่อ
ต่อมาก็เป็นที่รู้กัน มีอะไรที่พ่อแม่ชอบกินและคิดถึงพ่อถึงแม่ขึ้นมาก้หาของไปถวายสมเด็จฯแล้วก็กรวดน้ำไปให้ทุกครั้งไป
แม่ผมชอบกินด้วงโสนอย่างยิ่งยวด
สำหรับคนสมัยใหม่ที่ไม่รู้จักก็ขอบอกว่าด้วงโสนนั้นเป็นตัวด้วงขาว ๆ ยาวขนาดนิ้วก้อย เกิดในต้นโสน ได้ตัวมามากพอแล้วก็เอาผัดตีกระเทียมใส่หมูเล็กน้อยเหยาะน้ำปลาดีหน่อยหนึ่ง กินกับข้าวร้อน ๆ ดีนัก
ถ้าจะดูกันอย่างหึวาม ก็เหมือนหนอนตัวโต ๆ ผัด
ครั้งหนึ่งหาด้วยโสนมาได้ ผัดตีกระเทียมอย่างที่แม่เคยชอบกิน รับเอาไปถวายสมเด็จฯที่วัดบวรฯ ให้ทันเพล
พอเปิดฝา ยืนชามเข้าไปจะประเคน ท่านมองดูด้วงในชามแล้ว ท่านก็หดมือ ถามว่า
“นั่นอะไร ?”