14 ธันวาคม 2552

บทความการเมือง:โรคซ้ำกรรมซัด

โรคซ้ำกรรมซัด
“ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น” !
โบราณภาษิตสอนว่า โชคร้ายและเคราะห์กรรมนั้น ไม่เกิดพียงอย่างเดียว มันมักจะเกิดซ้ำซ้อนกัน
ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ว่ากำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้นนั้น เอาเข้าจริงมันก็ยังลูกผีลูกคน ลมเพลมพัด คือยังมีความเสี่ยงอยู่ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีไข้ปรากฏเป็นระยะ ๆ ก่อนหน้านี้มีข่าวไม่ดีที่ดูไบ ตอนนี้ก็มีข่าวไม่ดีที่ประเทศกรีซ จนวงการกลัวกันว่าเศรษฐกิจกรีซจะแดให้ อียู ทรุดติดหล่มฟองสบู่แตกไปด้วย
จึงยังต้องระมัดระวังกันอย่างเต็มที่
มีข่าวว่าแนวโน้มราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะธัญญาหารจะดีในปีหน้า แต่นั่นก็มิใช่ข่าวดีของเกษตรกร เพราะข้าว , ข้าวโพด ฯ ไปอยู่ในมือพ่อค้าหรือรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่แล้ว ถึงราคาจะดี ประโยชน์จริง ๆ ก็มิได้ตกอยู่กับเกษตรกรผู้เพาะปลูก หนำซ้ำตอนนี้ยังมีภัยศัตรูพืชที่หายไปนาน หวนกลับมาอาละวาดทำลายข้าวเสียหายใหญ่หลวง เมื่อเดือนที่แล้วมีภัยเพลี้ยกระโดดในหลายจังหวัด ตอนนี้มีภัยหนูท้องขาวร้ายแรงในหลายจังหวัด ทั้ง ๆ ที่เพลี้ยกระโดดและหนูท้องขาวมิได้เป็นภัยร้ายแรงมานานหลายปีแล้ว จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา อย่างนี้เองจึงอยากเรียกว่า “โรคซ้ำกรรมซัด”
แต่ “กรรม” นั้นก็คือผลการประทำของมนุษย์เราเองนั่นแหละ พลตรี ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเขียนถึงภัยตั๊กแตนว่า
“ตั๊กแตนที่หากินอยู่ตามป่าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปตามธรรมชาตินั้น ไม่เป็นภัยอันตรายต่อมนุษย์ และไม่เป็นภัยอันตรายต่อธรรมชาติที่มันอาศัยอยู่ด้วย........
แต่ถ้าใครไปทำลายป่า ทำลายสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติของตั๊กแตนเข้า ตั๊กแตนก็จะเปลี่ยนไปในทันที ทั้งทางกายและใจ
ในทางใจนั้นมันเลิกแยกกันอยู่ และรวมเป็นฝูง เกิดมีวิญญาณฝูงขึ้นมา
ในทางกายมันกลายเป็นสัตว์กินจุ กินไม่เลือกและกินไม่จบ
ตั๊กแตนที่ขาดสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติจึงเป็นภัยอย่างมหันต์ รวมฝูงเข้าแล้วออกบินมาบนท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ มีไร่นาเรือกสวนหรือแม้แต่ป่าขวางหน้าอยู่มันก็จะลงกินจนหมด” (สยามรัฐหน้าห้า วันที่19 มกราคม 2513)
ภัยเพลี้ยกระโดด ภัยหนูท้องขาว ฯลฯ ก็ทำนองเดียวกัน คือสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติของมันเปลี่ยนแปลงไปจนมันมิอาจอยู่ตามปกติได้ จึงเปลี่ยนแปลงเกิดเป็น “ฝูงพิบัติภัย”
ภัยธรรมชาติซ้ำเติมภัยเศรษฐกิจที่จะมีผลลบจากปัญหาภาคการเงินของยุโรป และที่ร้ายแรงคือพิษจากปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ! เกิดขึ้นบนพื้นฐานสังคมไทยยอบแยบเนื่องจากวิกฤติการเมืองที่รุนแรง และขยายขึ้นไปใช้ประเทศกัมพูชาเป็นสนามรบเพิ่มขึ้นด้วย เราจึงมองว่า ปี 2553 ยากจะเป็นปีที่สดใสสำหรับคนไทย.